วันอาทิตย์

รวยด้วยแฟรนไชส์ : แฟรนไชส์ไหนรุ่ง แฟรนไชส์ไหนเสี่ยง ปี 54 Franchise trend in Thailand 2011

                   อ่านแล้วรวยไปอ่านมาครับ  แต่มันอาจจะยาวไป  เลยสรุปแบบฟันธงและคอนเฟิร์มเพื่อให้ว่าที่เถ้าแก่ตัดสินใจเลือกลงทุนในปีนี้   เอาหละครับก่อนจะเริ่มลองศึกษาหาความรู้ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน เนื่องจากการทำธุรกิจต้องใช้เวลาลงไปคลุกคลีไม่น้อย ซึ่งถ้าธุรกิจไม่สามารถก้าวไปได้จะทำให้เสียทั้งเงินและเวลา


                  แนวโน้มต่างกันนะครับระหว่างปี 53 กับ 54 ลองดูซิครับ      
       ผลสำรวจความนิยมลงทุนแฟรนไชส์
      
       อันดับหนึ่งคือ ธุรกิจเบเกอรี่ โดยปัจจัยแรกคือ สิ่งแวดล้อมทางการตลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้น ซึ่งที่เห็นกันอยู่คือเบเกอรี่จากต่างประเทศที่เข้ามาสร้างกระแสให้เกิดการตื่นตัวมากขึ้น อย่าง คริสปี้ครีม ซึ่งส่งผลให้ตลาดในหัวเมืองใหญ่หันมาสนใจธุรกิจโดนัทมากขึ้น ปัจจัยที่สองคือ เงินลงทุนไม่สูง เฉลี่ย 2-3 ล้านบาทเท่านั้น ปัจจัยที่สามคือการคืนทุนที่ค่อนข้างรวดเร็ว โดยใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่าเท่านั้น ประกอบกับรูปแบบร้านที่ดูดีเป็นการสะท้อนภาพลักษณ์เชิงสังคมให้กับผู้ลงทุน
      
       อันดับสองคือ ธุรกิจเครื่องดื่ม ซึ่งกาแฟยังเป็นตัวนำ โดยจากแบบสอบถามพบว่าคนอายุไม่เกิน 40 ปี ประมาณ 27% มีความสนใจมาก แต่กระแสในระยะนี้แผ่วลงไปบ้างทำให้ตกอันดับจากเดิมที่เคยอยู่ในอันดับที่หนึ่ง เพราะนักลงทุนให้ความเห็นว่ามีร้านกาแฟที่เปิดอยู่เป็นจำนวนมากแล้วในตลาดมีการแข่งขันสูง ทำให้อัตราผลกำไรที่เคยสูงกลับลดต่ำลง นอกจากนี้ ยังหาความแตกต่างของแต่ละรายไม่ได้ทำให้ไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหนดี รวมทั้ง ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบที่ดีคือเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้ามีราคาสูงขึ้น
      
       อันดับสามคือ ธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งนักลงทุนมีความต้องการชัดมาก แต่เนื่องจากยังไม่มีรูปแบบร้านที่ดีกว่าร้านรถเข็นหรือเหมาะสมกับความต้องการของนักลงทุน เพราะจากข้อมูลการสำรวจพบว่า 90% ของนักลงทุนที่สนใจในธุรกิจแฟรนไชส์จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากเดิมที่นักลงทุนกว่า 30% มีความรู้ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี ดังนั้น เมื่อนักลงทุนมีการศึกษาสูงจึงต้องการลงทุนให้คุ้มกับเงินลงทุน เวลา และสถานะ นอกจากนี้ ยังพบว่า 26% ของผู้สนใจลงทุนเคยทำธุรกิจมาก่อน และ47% เป็นพนักงาน ชี้ให้เห็นว่าคุณภาพของนักลงทุนสูงขึ้น แฟรนไชส์ขนาดเล็กจึงไม่ค่อยได้รับความนิยม
       

                 ธุรกิจเด่น  คือ ธุรกิจไอศกรีม และธุรกิจอาหารไทย สำหรับธุรกิจไอศกรีมซึ่งนำโดย “สเวนเซ่นส์” มีผู้สนใจลงทุนมาก จึงส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจไอศกรีม แต่เพราะการลงทุนกับสเวนเซ่นส์ใช้เงินลงทุนสูง ขณะที่ “ไอเบอรี่” ซึ่งเป็นของคนไทยก็ลดการกระตุ้นในเรื่องของแฟรนไชส์ รวมทั้ง รายอื่นๆ ที่เคยผลักดันอย่างแรงก็ลดลงเช่นกัน เช่น ดรีมโคน เป็นต้น เนื่องจากโดยภาพรวมของธุรกิจนี้มีการแข่งขันรุนแรง ส่วนการที่ธุรกิจอาหารไทยได้รับความสนใจเป็นเพราะรายที่เปิดอยู่มีการเติบโตดี เช่น เชสเตอร์กริลล์ สามารถขยายแฟรนไชส์ได้เป็นร้อยสาขา ขณะที่ นักลงทุนเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่าย

                 ธุรกิจที่ได้รับความนิยมลดลง
                 1.ธุรกิจการศึกษา จากเดิมที่ได้รับความนิยมในอันดับต้นๆ คือประมาณอันดับหนึ่งหรือสอง เหตุผลแรก เป็นเพราะนักลงทุนเห็นว่าบางแห่งลงทุนสูงบางแห่งลงทุนไม่สูง ไม่สามารถหาเหตุผลในการลงทุนได้ และผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คิด รวมทั้ง มีปัญหาให้เห็นเป็นระยะ เช่น มีการปิดตัวของผู้ประกอบการ เป็นต้น เหตุผลที่สอง มาจากความยากในการทำธุรกิจ เช่น ไม่สามารถหาบุคลากรมาดำเนินการ และเหตุผลที่สาม มาจากการที่สภาพตลาดเปลี่ยนไป เนื่องจากระบบการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการสอบเอ็นทรานซ์มีความสับสน ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคต่างจากเดิมเด็กนักเรียนเปลี่ยนไปเน้นเรียนเฉพาะวิชา ไม่เรียนหลายๆ วิชา
      
                 2.ธุรกิจแฟชั่น เช่น ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องประดับ และร้านเครื่องสำอาง สำหรับธุรกิจร้านจำหน่ายเครื่องสำอาง ได้รับความนิยมลดลงจากเดิมที่เคยอยู่ในอันดับที่สาม เพราะนักลงทุนเห็นว่าไม่สามารถแยกความแตกต่างของตัวผลิตภัณฑ์ระหว่างสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศกับสินค้าที่มีแบรนด์ และมีการหิ้วของจากต่างประเทศเข้ามาขายมาก รวมทั้ง ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่มีความภักดีต่อแบรนด์ ทำให้ร้านที่เปิดเป็นแฟรนไชส์แข่งขันไม่ได้ ขณะที่ ธุรกิจร้านเสื้อผ้า ได้รับความนิยมลดลงเพราะสภาพเศรษฐกิจส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายกับเสื้อผ้าน้อยลงเช่นเดียวกับเครื่องประดับ ส่วนธุรกิจบริการอื่นๆ มีรูปแบบของธุรกิจ (concept) ไม่แข็งแรง เช่น ร้านซักรีด เป็นต้น
      


                “ร้านอาหาร” มาแรง
      
       ส่วนผลสำรวจสถานการณ์แฟรนไชส์ในปี 2553และแนวโน้มในปี 2554พบว่า อัตราการเติบโตของธุรกิจในปี 2553จะอยู่ที่ 11.7% โดยมีมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจกว่า 1.6 แสนล้านบาท มีธุรกิจแฟรนไชส์ 563 ราย และจากการคาดการณ์ในปี 2554 ธุรกิจแฟรนไชส์น่าจะมีอัตราการเติบโต 15% หรือมีมูลค่าตลาดรวมไม่น้อยกว่า 1.7แสนล้านบาท มีธุรกิจแฟรนไชส์เพิ่มเป็นประมาณ 600-650 ราย เพราะมีทั้งแฟรนไชส์รายใหม่และรายเก่าที่พัฒนาตัวเอง ซึ่งการเติบโตของธุรกิจจะเน้นไปที่ธุรกิจขนาดใหญ่ โดยมีความโดดเด่นอยู่ที่ “ธุรกิจอาหาร” เป็นหลัก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจเอื้ออำนวยทำให้มีอัตราผลกำไรสูงขึ้นและมีรายที่ปรับตัวไปอยู่ในระดับที่สูงขึ้น เช่น แฟรนไชส์อาหารญี่ปุ่น
       
              "บริหาร" มีความหลากหลาย
       นอกจากนี้ “ธุรกิจบริการ” จะมีรูปแบบหลากหลายมากขึ้น เช่น แฟรนไชส์ธุรกิจรับสร้างบ้าน ซ่อมบ้าน ซ่อมรถ คาร์แคร์ กำจัดแมลง ร้านซักรีด ร้านหยอดเหรียญ และคอนวีเนี่ยนสโตร์ เนื่องจากการมีความพร้อมในการออกแบบรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์และสถานการณ์โดยรวมที่เหมาะสม ประกอบกับ ที่ผ่านมาความสำเร็จจากผู้นำเป็นตัวจุดประกายและตัวกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัว เช่น พีดีเฮ้าส์แฟรนไชส์ธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่สามารถขยายได้กว่า 10 สาขา โดยใช้เงินลงทุนในธุรกิจสาขาละ 3-4 ล้านบาทหรือโมลิแคร์แฟรนไชส์ธุรกิจคาร์แคร์ พรู้ฟโค้ทแฟรนไชส์ธุรกิจรับซ่อมบ้าน
      
       ขณะที่ แฟรนไชส์ธุรกิจซักรีดรายเด่นๆ จะกลับมาใหม่ แฟรนไชส์ธุรกิจตู้หยอดเหรียญจะเปลี่ยนรูปแบบ เช่น จากธุรกิจขายเครื่องกรองน้ำจะเกิดเป็นธุรกิจบริการจัดส่งน้ำดื่ม เป็นต้น รวมทั้ง ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนจะได้รับการตอบรับ และธุรกิจเสื้อผ้าระดับราคากลางๆ จะมีแนวโน้มดีขึ้น

  สำหรับธุรกิจที่อาจจะมีความยากลำบากในปี 2554 คือธุรกิจประเภทบริการความงาม เช่น สปา ศูนย์ลดความอ้วน ร้านตัดผม คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวต่ำ เพราะตลาดอิ่มตัวจากการที่ได้มีการลงทุนไปมากแล้วก่อนหน้านี้ และนักลงทุนบางส่วนที่ไม่ประสบความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจนี้จะหันไปสนใจธุรกิจอื่น โดยเฉพาะธุรกิจอาหารซึ่งเป็นธุรกิจพื้นฐาน
      
       ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์ที่สำคัญยังมาจากการผลักดันของธนาคารต่างๆ ที่นำร่องโดยธนาคารกสิกรไทยซึ่งตั้งวงเงินสินเชื่อถึง 3,000 ล้านบาทเพื่อให้สินเชื่อธุรกิจแฟรนไชส์ตั้งแต่ 1-12 ล้านบาทโดยไม่ต้องมีสินทรัพย์ค้ำประกัน นับเป็นแคมเปญที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนได้อย่างดี นอกจากนี้ธนาคารอื่นๆ กำลังเตรียมสินเชื่อให้กับธุรกิจแฟรนไชส์เช่นเดียวกัน เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารออมสิน เป็นต้น รวมทั้ง การจัดทำไมโครไฟแนนซ์ของไปรษณีย์ไทยจะช่วยให้แฟรนไชส์ขนาดเล็กหรือไมโครแฟรนไชส์เติบโตตามไปด้วย
      
              
      
       

วันเสาร์

รวยด้วยแฟรนไชส์:4 เรื่องแฟรนไชส์ซี่ที่ดีต้องทำ

                   อ่านแล้วรวย  หลังจากแนะนำ แฟรนไชส์น่าสนใจไปหลายร้าน  วันนี้มาทบทวนหลักคิดเพื่อให้ท่านทำธุรกิจแฟรนไชส์ให้ไปรอดและร่ำรวย  เรื่องสำคัญ 4 เรื่องที่แฟรนไชส์ซีต้องทำเพื่อให้ธุรกิจไปได้และขายดี  ต้องทำ 4 เรื่องนี้ครับ 
                การเป็นเจ้าของธุรกิจมันยากนัก เมื่อสมใจแล้ว แน่ใจหรือว่าจะสบายใจเฉิบ ยิ่งตกที่นั่งแฟรนไชซีด้วยแล้ว มีเงื่อนไขใดที่ต้องรู้บ้าง อยากจะบอกเหลือเกินว่ารู้แล้วจะหนาว...
     
       รักษาสัญญา
     
       การใช้สิทธิที่ให้มาตามสัญญาแฟรนไชส์ ควรเขียนให้ชัดเจนว่า อนุญาตให้แฟรนไชซีใช้ในการทำธุรกิจแฟรนไชส์เท่านั้น จะเอาไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากแฟรนไชซอร์ไม่ได้ ถ้ามีใครแอบมาใช้ เช่น เอาเครื่องหมายการค้าของแฟรนไชซอร์ไปใช้ ในสัญญามักจะกำหนดให้แฟรนไชซีต้องรีบแจ้งให้แฟรนไชซอร์รู้เรื่องทันที
     
       เก็บความลับ
     
       ระบบข้อมูลต่างๆ ของแฟรนไชซอร์กว่าจะพัฒนาจนใช้ได้และอยู่เหนือคู่แข่ง การรักษาความลับจึงเป็นเรื่องสำคัญ
     
       แต่ความลับในไม่มีโลก ยิ่งคนรู้จักมากเท่าใด โอกาสที่ความลับจะรั่วไหลก็มีมากเท่านั้น
     
       แม้ตอนนี้จะมี พ.ร.บ.ความลับทางการค้า พ.ศ.2545 ก็ตาม แต่แฟรนไชซอร์ต้องช่วยร่างเส้นว่าจะถ่ายทอดข้อมูลได้แค่ไหน กับพนักงานระดับใด ข้อกำหนดนี้ เรียกว่า Confidentiality Clause
      

วันอาทิตย์

Read-for-Rich with Franchise: รวยด้วยแฟรนไชส์ : เดอะพิซซา คอมปานี

Read-for-Rich with Franchise: รวยด้วยแฟรนไชส์ : เดอะพิซซา คอมปานี:

รวยด้วยแฟรนไชส์ : เดอะพิซซา คอมปานี


อ่านแล้วรวย แนะนำ แฟรนไชส์ธุรกิจอาหารอีกตัวที่ ดี เด่น ดัง

เขาบอกว่ายังไงบ้าง
ความสำเร็จเกิดขึ้นจากประสบการณ์และความทุ่มเทมาตลอด 30 ปี ในการบริการด้านอาหารและความเอาใจใส่ต่อลูกค้า จนถึงวันนี้ เรามีลูกค้ามาใช้บริการรวมกว่า 120 ล้านครั้ง

เอาคำถามแรกตรงประเด็นเลย ราคาเท่าไหร่
เก้าล้านบาท

ค่าใช้จ่ายมีแค่นี้หรือ

รูปแบบและงบประมาณการลงทุน เดอะ พิซซ่า คอมปะนี
  • งบการลงทุนในการเปิดร้านขนาด 240 ตรม. หรือในอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง จะใช้งบลงทุนประมาณ 11 – 12 ล้านบาท
  • ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องจ่ายค่าการตลาด 5% ของยอดขายทุกเดือน และอีก 5% ของยอดขายสำหรับค่ารอยัลตี้ฟี
เก้า บวก สิบเอ็ด นี่มันยี่สิบพอดิบพอดี

(แต่เขาบอกว่าการลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานอย่างจริงจัง จะได้รับผลตอบแทนกลับคืนมาหลายเท่า)

ระยะคืนทุนนานเท่าไหร่ละ
ไม่ได้บอกไว้

มีกี่สาขาแล้วละตอนนี้
188 สาขา โดยแบ่งสัดส่วนเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ราว 70% และบริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง 30%
ความเป็นมาเขาเป็นยังไง
ความสำเร็จเกิดขึ้นจากประสบการณ์และความทุ่มเทมาตลอด 30 ปี
ในการบริการด้านอาหารและความเอาใจใส่ต่อลูกค้า จนถึงวันนี้ เรามีลูกค้ามาใช้บริการรวมกว่า 120 ล้านครั้ง “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” ที่พร้อมให้บริการกว่า 700 สาขา ทั่วประเทศ
ในปี พ.ศ. 2544 เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ได้แนะนำ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” ที่ให้บริการพิซซ่า และพาสต้าสไตล์อิตาเลียน และด้วยรสชาติที่ถูกปาก และพิซซ่าที่หนักเครื่องทำให้ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” เป็นแบรนด์พิซซ่ายอดนิยมที่สุดในประเทศไทย
เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สามารถให้การสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ให้คำแนะนำในการเลือกทำเลที่ตั้งการออกแบบร้าน และการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ การฝึกอบรมพนักงาน ไปจนถึงแผนการตลาดและส่งเสริมการขาย ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง

เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ความอร่อยและความหลากหลายในด้านอาหาร เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าอย่างเต็มที่ 100%
ความมุ่งมั่นที่จะสร้างและพัฒนาร้านในตลาดใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

นำเสนอแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารภายในร้าน การส่งอาหารตรงถึงบ้าน ซึ่งเราเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ส่งฟรี รับประกันภายใน 30 นาที
รูปแบบเขาเป็นแบบไหน
แฟรนไชส์รายใหญ่ของประเทศ บริหารงานโดย เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จมากกว่า 30 ปี ในการบริการด้านอาหาร และความเอาใจใส่ต่อลูกค้า
ว่ายังไงต่อ
เดอะ พิซซ่า คอมพานี มีแฟรนไชส์หลายแบรนด์ เช่น สเวนเซ่นต์ ซิซซ์เลอร์ แดรี่ควีน เบอร์เกอร์ คิง ที่พร้อมให้บริการกว่า 700 สาขาทั่วประเทศ

ซื้อแล้วให้อะไรเรามั่งละ
ด้วยการสนับสนุนของแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีไปทั่วประเทศ และพนักงานด้านการตลาดผู้เปี่ยมประสบการณ์ของเรา ร้านใหม่ของผู้ซื้อแฟรนไชส์ทุกรายจะได้รับความสนใจจากลูกค้าในย่านนั้นทันที
การตลาด เดอะ พิซซ่า คอมปะนี
  • รับผิดชอบงานด้านโฆษณาและการส่งเสริมการขาย รวมทั้งการผลิตสื่อโฆษณา ณ จุดขาย เช่น โปสเตอร์ ใบปลิว เมนู ฯลฯ
  • แคมเปญโฆษณาออกอากาศทั่วประเทศผ่านการใช้สื่อโทรทัศน์ วิทยุ
  • ให้คำแนะนำ และการสนับสนุนในเรื่องแผนการส่งเสริมการตลาดเฉพาะของแต่ละร้าน ในแต่ละทำเล
  • สร้างการรับรู้เรื่องเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และการทำโฆษณาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์
การฝึกอบรม เดอะ พิซซ่า คอมปะนี
  • ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์และผู้จัดการร้านจะต้องเข้าโปรแกรมการฝึกอบรม ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 12 สัปดาห์
  • การฝึกอบรมจะครอบคลุมทุกด้านเกี่ยวกับการดำเนินงานของร้าน เทคนิคที่เกี่ยวกับการเตรียมอาหารและการใช้เครื่องมือต่างๆ การบริหารคน การแก้ปัญหาเมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้น การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า การสร้างทีมงานและการบริหารเวลา
  • เดอะ พิซซ่า คอมปะนี จะส่งทีมงานไปยังร้านของผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะมีการเปิดร้าน เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจว่า การเปิดร้านจะเป็นไปด้วยความราบรื่น สามารถสร้างความประทับใจที่ดีให้กับลูกค้า เป็นผลดีต่อกิจการในอนาคต นอกจากนั้น ยังเป็นการฝึกอบรมและสร้างทีมงานที่มีความพร้อมให้กับพนักงานในร้านทั้งหมด
  • ทีมงานจะไปเยี่ยมร้านของผู้ซื้อแฟรนไชส์ เพื่อสื่อสารข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลประกอบการและการพัฒนาในด้านต่างๆ อาทิเช่น การตลาดเฉพาะสาขา การฝึกอบรม การพัฒนาบุคลากร การปฏิบัติงานภายในร้าน
สุดท้าย ทำไมต้อง เดอะ พิซซ่า คอมปะนีละ
  • เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สามารถให้การสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ให้คำแนะนำในการเลือกทำเลที่ตั้งการออกแบบร้าน และการเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ การฝึกอบรมพนักงาน ไปจนถึงแผนการตลาดและส่งเสริมการขาย ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
  • เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ความอร่อยและความหลากหลายในด้านอาหาร เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าอย่างเต็มที่ 100%
  • ความมุ่งมั่นที่จะสร้างและพัฒนาร้านในตลาดใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
  • นำเสนอแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารภายในร้าน การส่งอาหารตรงถึงบ้าน ซึ่งเราเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ส่งฟรี รับประกันภายใน 30 นาที
  • เปี่ยมล้นด้วยประสบการณ์ และความรู้ความเข้าใจในธุรกิจร้านอาหาร มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
  • มีการทำวิจัยตลาดและความต้องการของผู้บริโภค โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการ
จะซื้อแล้ว ติดต่อใครหละ
คุณอรรถ ประคุณหังสิต arth_pr@minornet.com
คุณพจนา สุวรรณทวีศรี pojjana_su@minornet.com
บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 99 ชั้น 15 อาคารเบอร์ลี่ยุคเกอร์ ซอยรูเบีย ถนนสุขุมวิท 42 คลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทร 02-381-5123-32
แฟกซ์ 02-381-5119

เวปไซต์ www.pizza.co.th
www.minorfoodgroup.com

มีตังค์ 20 ล้าน ลงทุนเลยครับ ขอให้รวย

รวยด้วยแฟรนไชส์:เชสเตอร์กริล


        อ่านแล้วรวย  มารวยด้วยแฟรนไชส์อาหารที่โด่งดังอีกแบรนด์หนึ่ง   บริษัท เชสเตอร์ ฟู้ด จำกัด เป็นผู้บริหาร ร้านอาหารไทยฟาสต์ฟู้ด ภายใต้ตราผลิตภัณฑ์ "เชสเตอร์กริลล์" ซึ่งกำเนิดขึ้นด้วยความมุ่งมั่นสร้างสรรค์อาหารคุณภาพเพื่อคนไทย ด้วยความคิดริเริ่มจาก เครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของเมืองไทย ที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 80 ปี มีนโยบายที่จะขยายกิจการสาขาผ่านระบบแฟรนไชส์


เหมือนเดิม  คำถามแรก เท่าไหร่
600,000 บาท


มีค่าอย่างอื่นอีกไหม

เงื่อนไขการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเชสเตอร์ กริลล์ มี 3 รูปแบบ
  1. Restaurant
    • พื้นที่ 51 ตารางเมตร ขึ้นไป
    • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (ก่อนVat)600,000 บาท
    • ค่ารอยัลตี้* 4% ของยอดขาย
    • ค่าการตลาดส่วนกลาง* 3% ของยอดขาย
  2. Satellite
    • พื้นที่ 26 – 50 ตารางเมตร
    • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (ก่อนVat)400,000 บาท
    • ค่ารอยัลตี้* 4% ของยอดขาย
    • ค่าการตลาดส่วนกลาง* 3% ของยอดขาย
  3. Kiosk
    • พื้นที่ ไม่เกิน 25 ตารางเมตร
    • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (ก่อนVat)200,000 บาท  
    • ค่ารอยัลตี้* 4% ของยอดขาย
    • ค่าการตลาดส่วนกลาง* 3% ของยอดขาย
* ชำระรายเดือน
  • ยอดขาย หมายถึง ยอดขายหลังหักภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %
  • ค่าธรรมเนียมแรกเข้าชำระ ณ วันที่เซ็นต์ตกลงเป็นแฟรนไชส์
  • การเปิด Kiosk จะต้องเปิดร้านขนาด Satellite และ Restaurant ก่อนและตั้งอยู่ในศูนย์เดียวกัน

มีกี่สาขาแล้วตอนนี้
163 สาขา
แบ่งเป็นร้านของบริษัทฯ จำนวน 60 สาขา ร้านแฟรนไชส์ จำนวน 90 สาขา

เขาวางหลักเกณฑ์เบื้องต้นในการเลือกสรรแฟรนไชซี่อย่างไรบ้าง

วันเสาร์

รวยด้วยแฟรนไชส์ : เดอะพิซซา คอมปานี


อ่านแล้วรวย  แนะนำ แฟรนไชส์ธุรกิจอาหารอีกตัวที่ ดี เด่น ดัง

เขาบอกว่ายังไงบ้าง
ความสำเร็จเกิดขึ้นจากประสบการณ์และความทุ่มเทมาตลอด 30 ปี ในการบริการด้านอาหารและความเอาใจใส่ต่อลูกค้า จนถึงวันนี้ เรามีลูกค้ามาใช้บริการรวมกว่า 120 ล้านครั้ง

เอาคำถามแรกตรงประเด็นเลย  ราคาเท่าไหร่
เก้าล้านบาท

ค่าใช้จ่ายมีแค่นี้หรือ

รูปแบบและงบประมาณการลงทุน เดอะ พิซซ่า คอมปะนี
  • งบการลงทุนในการเปิดร้านขนาด 240 ตรม. หรือในอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง จะใช้งบลงทุนประมาณ 11 – 12 ล้านบาท
  • ผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องจ่ายค่าการตลาด 5% ของยอดขายทุกเดือน และอีก 5% ของยอดขายสำหรับค่ารอยัลตี้ฟี
เก้า บวก สิบเอ็ด นี่มันยี่สิบพอดิบพอดี

(แต่เขาบอกว่าการลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานอย่างจริงจัง จะได้รับผลตอบแทนกลับคืนมาหลายเท่า)

ระยะคืนทุนนานเท่าไหร่ละ
ไม่ได้บอกไว้

มีกี่สาขาแล้วละตอนนี้
188 สาขา   โดยแบ่งสัดส่วนเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ราว 70% และบริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง 30%
ความเป็นมาเขาเป็นยังไง
ความสำเร็จเกิดขึ้นจากประสบการณ์และความทุ่มเทมาตลอด 30 ปี

วันศุกร์

รวยด้วยแฟรนไชส์:โชคดีติ๋มซำ


ร้านอาหารที่ให้บริการติ่มซำนึ่งสด ในรูปแบบ Fast Casual Restaurant มากกว่า 70 เมนู พร้อมกับเครื่องดื่มและชาเพื่อสุขภาพ รวมถึงบักกุดเต๋ อาหารบำรุงสุขภาพ


เขามีที่มายังไง          

ติ่มซำเป็นอาหารว่างที่ชาวจีนนิยมทานคู่กับการจิบน้ำชา หรือทานเพื่อเรียกน้ำย่อย แต่เดิมติ่มซำรสเลิศจะมีบริการเฉพาะในภัตตาคารใหญ่ๆเท่านั้น ด้วยความที่ต้องการให้คนไทย ได้ลิ้มรสอาหารว่างที่เอร็ดอร่อยได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

คุณธีรภพ ศิรประภาธรรม จึงได้ก่อตั้ง "โชคดีติ่มซำ เรสเตอรองค์" สาขาบรรทัดทองขึ้นเป็นสาขาแรก ในปี พ.ศ.2543 โดยมีแนวคิดที่ต้องการนำเสนอติ่มซำรูปแบบใหม่เป็นเจ้าแรกในกรุงเทพฯ นั้นคือ ติ่มซำนึ่งสดๆ พร้อมด้วยบักกุดเต๋รสกลมกล่อม

ทำให้โชคดีติ่มซำ ได้กระแสตอบรับที่ดี เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ด้วยความสด สะอาด ความพิถีพิถัน รวมถึงเมนูอร่อยที่มีให้เลือกกว่า 60 เมนู รวมถึงการเปิดให้บริการแบบ 24 ชม. โดยมีจำนวนสาขาทั้งหมด 24 สาขา 

ค่าแฟรนไชส์เขาคิดเท่าไหร่  655,000 บาท  ทำไมเป็นเศษก็ไม่รู้

  • งบประมาณการลงทุน (รวมค่าธรรมเนียมแรกเข้าแล้ว) ประมาณ 2.5-3.7 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่)
  • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (แฟรนไชส์ฟี) 655,000 บาท (สัญญา15ปี)
  • ค่า Royalty Fee 4% ของยอดขาย
  • ค่า Marketing Fee 2% ของยอดขาย

วันพุธ

รวยด้วยแฟรนไชส์:ลงทุนแฟรนไชส์ ต้องวิเคระห์ 7 เรื่องนี้ให้แตก

               อ่านแล้วรวยไปหา 7 ข้อการวิเคราะห์การลงทุนแฟรนไชส์  มาให้ลองอ่านดูนะครับ มีประโยชน์ดีมาก

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการวิเคราะห์การลงทุนในระบบแฟรนไชส์ซึ่งอาจจะต้องมีรายละเอียดมากน้อยแตกต่างกันตามสัดส่วนของการลงทุน เมื่อต้องการลงทุนในมูลค่าที่สูงอัตราการเสี่ยงนั้นก็จะมากขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่จะต้องทำก่อนลงทุน โดยเฉพาะการวิเคราะห์การลงทุนและระบบบัญชีการเงินซึ่งมีดังต่อไปนี้

1.ภูมิหลังของแฟรนไชซอร์ ตรวจสอบชื่อเสียงและประวัติย้อนหลังของแฟรนไชซอร์ในธุรกิจที่ทำแฟรนไชส์ นอกจากนี้อาจสอบถามเกี่ยวกับเหตุผลหรือแรงจูงใจในการริเริ่มกิจการนั้นเพื่อที่จะแน่ใจว่าแฟรนไชซอร์มีพันธะต่อธุรกิจที่ดำเนินอยู่ หรืออาจค้นคว้าเกี่ยวกับภูมิหลังของผู้บริหารของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลนั้นมีความน่าเชือถือและมีความรับผิดชอบต่อธุรกิจแฟรนไชส์
2.โครงสร้างการบริหารงาน การศึกษาโครงสร้างการบริหารงานและความรับผิดชอบของแต่ละส่วนภายในแฟรนไชซอร์จะช่วยให้ผู้ที่สนใจจะซื้อแฟรนไชส์ในอนาคตตัดสินใจได้ว่าบริษัทดังกล่าวมีการจัดองค์กรที่ดีหรือไม่ตามที่ได้ระบุไว้หรือไม่ นอกจากนี้ ยังสามารถระบุตัวเจ้าหน้าที่ที่จะต้องติดต่อในการประกอบการแฟรนไชส์

วันเสาร์

รวยด้วยแฟรนไชส์:แฟรนไชส์ซี ต้องมีหน้าที่ 10 อย่างด้วยกัน

 แฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มาจากการคัดเลือกคู้ค้า ผู้ร่วมสัญญาที่ดี แฟรนไชส์ซีมีบทบาทสำคัญในการเติบโตของกิจการ ดังนั้นเคล็ดลับตลอดจนขั้นตอนการเลือกแฟรนไชส์ซีจึงเป็นสิ่งที่เจ้าของแฟรนไชส์และผู้ที่คิดจะเป็นแฟรนไชส์ซี ต้องรู้เอาไว้นะ
       

       1.มีความมั่นใจในตัวเอง มุ่งมั่นสู่การเรียนรู้ จำเป็นมากสำหรับการเข้ามาสู่ระบบแฟรนไชส์ เมื่อมุ่งมั่นแล้วจะทำให้เกิดความเข้าใจในธุรกิจได้เร็ว
       
       2.มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้การทำงาน และร่วมมือในกิจกรรมต่างๆ
       
       3.มีประสบการณ์กับบริษัทใหญ่ๆ มาก่อน ซึ่งข้อนี้อาจจะไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่ถ้ามีจะทำให้เกิดความเข้าใจและประสานงานได้ลุล่วงง่ายขึ้น
       
       4.รู้จักพัฒนาบุคลากร เพราะแฟรนไชส์ซีต้องสร้างทีมของตัวเอง ฉะนั้นข้อนี้ต้องมีเพื่อนำไปสู่การสร้างบุคลากรใหม่ในงาน
       
       5. เคยเป็นเจ้าของธุรกิจมาก่อน ข้อนี้เหมือนข้อ 3 แต่การเป็นเจ้าของคนที่ทำธุรกิจจะเข้าใจการบริหารเงินหมุนเวียนมากกว่า และจัดการงานด้วยตัวเองอย่างทุ่มเท
       
       6.มีความอดทนต่อความเครียดต่างๆ โดยเฉพาะภาวการณ์ที่เสี่ยงต่อขาดทุนหรือได้กำไร ต้องปรับตัวให้ได้
       
       7.มีเงินทุน เพราะระยะแรกเราต้องลงทุนสูง ต้องเผื่อทุนหมุนเวียนด้วยนะ
       
       8.มีความสามารถในการรับนโยบาย ทั้งหลักการทำงานและการติดต่อสื่อสาร
       
       9.มีความเต็มใจในการทำงานหนัก ไม่มีธุรกิจใดที่ประสพความสำเร็จโดยขาดข้อนี้
       
       10.มีความสามารถในการขาย การขายทั้งสินค้าและบริการนั้นได้ ธุรกิจก็เติบโตและสร้างลูกค้าได้ต่อเนื่อง
       

วันศุกร์

รวยด้วยแฟรนไชส์:นีโอสุกี้

อ่านแล้วรวย  ขอแนะนำ  สุกี้ร้อนแรงที่สุดช่วงเหตุการณ์จลาจลเผาเมือง   นีโอสุกี้  กับหนุ่มใหญ่ที่หัวใจไม่เคยแพ้
02-6835400
บริษัท นีโอ สุกี้ไทยเรสเทอรองส์ จำกัด
3678/2 ซ. ราษฏร์อุทิศ 1
 ถ. ประดู่
                                       แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม          กรุงเทพฯ 
10120


          หลักการของเขาว่าไง       การทำธุรกิจแบบ FRANCHISE เป็นการทำธุรกิจแบบเครื่อข่ายที่สามารถทำการขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว รสชาติ และคุณภาพของอาหารเหมือนกันทุกสาขาภายใต้โลโก้เดียวกัน


       เขามีค่าแรกเข้าเท่าไหร่   ค่าใช้จ่ายเริ่มแรกมีค่า FRANCHISE FEE แรกเข้าอย่างเดียวเท่านั้นคือ 300,000 บาท ต่อสาขาตลอดระยะเวลาการเป็น FRANCHISEE   

เขามีค่าอย่างอื่นบ้างไหม : มี 4 อย่างตามนี้แหละ
ส่วนที่ 1 ได้แก่ ค่าตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ และ งานก่อสร้าง ประมาณ 1,500,000 บาท ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ค่าออกแบบตกแต่งภายใน งานสีเฟอร์นิเจอร์ภายในทั้งหมด ป้ายกล่องไฟโลโก้ งานปูน งานประปา ค่าวัสดุก่อสร้างภายใน ค่าจ้างงานเหมาไฟฟ้า ค่าติดตั้งเครื่องปรับอากาศ งานเดินระบบแก๊ส เป็นต้น

ส่วนที่ 2 ได้แก่ เครื่องใช้สำนักงาน ประมาณ 70,000 บาท ประกอบไปด้วย เครื่องตอกบัตร เครื่องแฟกส์ เครื่องแคช ตู้เซฟ เครื่องเสียง และ อื่นๆ เป็นต้น

ส่วนที่ 3 ได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ ประมาณ 190,000 บาท ได้แก่ ตู้เย็นต่างๆ ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว เครื่องปั่น เตาอบ เครื่องกรองน้ำ รถเข็น เตาและ อื่นๆ

ส่วนที่ 4 ได้แก่ เครื่องมือเครื่องใช้ ประมาณ 130,000 บาท ประกอบไปด้วย ตาชั่งต่างๆ กาต้มน้ำ กาน้ำซุป หม้อ มีด คอนโด จานแบ่ง ถ้วยน้ำซุป ต่างๆ เป็นต้น

     ข้อสังเกต  งบลงทุนนั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของสาขา   แต่ตกลงแล้วก็ 2.2-2.5 ล้าน นี่ยังไม่รวมค่าที่นะครับพี่น้อง
     ค่าใช่จ่ายดำเนินการหาไม่เจอครับ  แต่ประมาณนี้นะ
-ค่าเช่าที่ 200 ตรม  X บาท
-ค่าจ้างคน 25 คน  Y บาท
-ค่าต้นทุนวัตถุดิบ   Z บาท
-ค่าน้ำค่าไฟ   Q บาท
    ดังนั้นนอกจากมีตังจ่ายครั้งแรก  2.5 ล้าน แล้ว  ยังต้องมีค่าดำเนินการสำรอง 4 เดือน 4*(X+Y+Z+Q) บาท

    มีพอไม่ครับพี่น้อง  มีไม่พอกู้อ่านแล้วรวยก็ได้

คุณสมบัติผู้ลงทุน  เขาต้องการยังไง

วันอังคาร

รวยด้วยแฟรนไชส์:พี่ตอบคำถามตัวเอง 3 ข้อ ก่อนตัดสินใจทำแฟรนไชส์นะ

พี่ลองสำรวจ 3 ข้อนี้นะ ก่อนเปิดแฟรนไชส์ 

                   1.หากพี่หากต้องการสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง    พี่ควรสำรวจว่าตัวเองมีความสามารถในการที่จะทำธุรกิจนั้นๆ หรือเปล่า ถ้ามีจริงก็ควรที่จะสร้างธุรกิจด้วยตัวเองไปเลย  แน่นอนรวยกว่าแบ่งเพื่อนแน่

                   2.ถ้าพี่ต้องการร่วมทุนกับคนอื่น หรือซื้อธุรกิจที่คนอื่นดำเนินการอยู่เพื่อมาทำต่อจะต้องพิจารณาให้ดีว่าความเป็นมา เป็นไปของธุรกิจเป็นอย่างไร เหตุผลที่ต้องการขายคืออะไร  อันนี้ผมว่าเป็นทฤษฏีเกินไป  มักทำกันระหว่างบริษัทโตพอสมควรทั้ง 2 ฝ่าย  คนๆเดียวไปทำแบบนี้มันเป็นไปได้ยาก

                    3.ที่นี้มาถึงข้อที่พี่อยากอ่าน  แฟรนไชส์    บางคนทั้งชีวิตไม่เคยทำธุรกิจเลย ก็ควรเริ่มต้นธุรกิจด้วยแฟรนไชส์ เพราะการซื้อแฟรนไชส์อาจจะนำไปสู่การเรียนรู้ที่จะทำธุรกิจ  อันนี้ผมว่าก็ไม่จริงเสมอไปนะพี่    ทำแบบนี้ก็ได้เฉพาะแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยว/น้ำปั่น  และก็มีอัตราความล้มเหลวเยอะเหมือนกัน  ไม่เคยทำธุรกิจเลยจะมาทำอย่านึกว่าง่าย   ผมว่าคนที่ทำแฟรนไชส์ได้ประสบความสำเร็จน่าจะเป็นคนที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจมาแล้ว   แต่ต้องการ Know how(ภาษาไทยไม่รู้ว่ายังไงอะ)ของระบบที่ดีกว่าเราทำเองของแฟรนไชส์     ส่วนว่าถ้าพี่ต้องการพัฒนาธุรกิจตัวเองให้เป็นแฟรนชส์ ซึ่งอาจจะทำธุรกิจใหม่ในแนวเดียวกับที่แฟรน-ไชส์ทำอยู่ หรือเป็นธุรกิจที่ต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญที่จะต้องศึกษาคือข้อสัญญาของแฟรนไชส์ที่จะซื้อเนื่องจากบางแฟรนไชส์จะมีข้อกำหนดห้ามทำธุรกิจที่ใกล้เคียงกันหลังจากที่หมดสัญญาแฟรนไชส์กันแล้ว ซึ่งตรงนี้มักจะก่อให้เกิดปัญหาต่อการทำธุรกิจ ในภายภาคหน้า

                   แม้ว่าบางคนจะนิยมที่จะใช้การเรียนรู้แฟรนไชส์เป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ แต่บางคนก็พอใจ กับการทำแฟรนไชส์และบริหารแฟรนไชส์หลายๆ สาขา เพราะธรรมชาติของการทำธุรกิจแฟรนไชส์เมื่อ ซื้อไปดำเนินการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัด อัตราการเจริญเติบโตของธุรกิจจะมีลักษณะคงที่คือ เหมือนเป็นงานประจำที่ทำเท่าไหร่เงินเดือนก็ไม่ขึ้น ซึ่ง การที่จะทำให้เงินเพิ่มขึ้นได้จะต้องเปิดสาขาให้มากขึ้น จึงต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่าแฟรนไชส์ที่เลือกมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีหรือเปล่า

                ส่วนใหญ่การทำธุรกิจแฟรนไชส์จะเป็นธุรกิจที่  ต้องทำแบบผสมกัน  คือผู้ซื้อจะเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้ขาย และผู้ให้บริการด้วย ดังนั้นไม่ว่าพี่จะทำธุรกิจเองหรือจะซื้อแฟรนไชส์   พี่ควรจะดูความสามารถของตัวเองว่าคุณเหมาะที่จะเป็นใคร และคู่แข่งของคุณคือใคร

                   ดังนั้นหากพี่จะซื้อแฟรนไชส์ธุรกิจใด    ก็ควรไปซื้อของของคู่แข่งมาเปรียบเทียบเพื่อหาความแตกต่าง ระหว่างสินค้าของแฟรนไชส์ที่พี่จะซื้อกับเขาเสียก่อน   หรือถ้าเป็นธุรกิจบริการก็ควรที่จะเข้าไปทดลองใช้บริการของคู่แข่งให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ต้องไปเก็บและสัมผัสบรรยากาศทุกอย่างเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับธุรกิจของคุณ หรือต้องเทียบแฟรนไชส์ที่น่าสนใจเพื่อจะทำให้รู้ว่าแฟรนไชส์ใดที่น่าจะทำให้คุณได้ผลประโยชน์มากกว่ากัน

                  เมื่อสามารถเลือกได้ว่าจะทำ ธุรกิจหรือซื้อแฟรนไชส์อะไร ต้องนึกให้ได้ว่ากลุ่มเป้าหมาย ที่จะมาใช้บริการเป็นใคร ยกตัวอย่าง หากจะเปิดร้านกาแฟ ก็จะต้องรู้ธุรกิจนั้นๆ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำว่ากาแฟคืออะไร รสชาติแบบไหนถึงจะดี ทำไมกลุ่มเป้าหมายบางส่วนของเราจึงไม่ดื่มกาแฟ แล้วเขาชอบดื่มอะไร ซึ่งต้องหาสินค้านั้นมารองรับ

                      จากนั้นจะต้องมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความแตกต่าง โดยเฉพาะ "บรรยากาศ" เพราะแม้ว่าจะเป็นร้านประเภทเดียวกันการจัดบรรยากาศไม่เหมือน กันก็ส่งผลต่อยอดขาย อย่างเช่นธุรกิจร้านสะดวกซื้อที่แม้ว่าสินค้าภายในร้านจะเหมือนกันแต่จะเห็นว่า การจัดวางสินค้าของทั้งสองร้านแตกต่างกันเวลาลูกค้าเดินเข้าไปจะรู้ทันทีว่ากำลังอยู่ร้านไหน ยกเว้นจะมีการก๊อปปี้หรือโคลนนิ่งให้เหมือนกันราวกับแกะ

                     กรณีของบ้านใร่กาแฟที่มีการวางคอนเซ็ปต์ของตัวเองให้เป็นกาแฟไทยที่มีราคาแพงมีบรรยากาศที่ไม่เหมือนร้านทั่วไป เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนมีฐานะ แต่ถ้าขายในราคา 20-25 บาท อาจจะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนขับรถบรรทุก ซึ่งเป็นการวางแผนธุรกิจว่าต้องการกลุ่มเป้า หมายเป็นใครแล้ววางรูปแบบร้าน ราคา ให้ตอบรับกับคนกลุ่มนั้น 

                    สรุปของวันนี้ที่ผมจะบอกพี่ก็คือ  ผมเชื่อว่าคนอ่านบล็อกนี้ต้องการซื้อแฟรนไชส์มาทำ  มากกว่าสร้างแฟรนไชส์ขายเพื่อน   แต่ก็มักต้องการแฟรนไชส์ที่มีอัตรผลตอบแทนดี  คืออยู่ที่ 50,000-100,000 บาทเป็นอย่างต่ำ  ไม่ใช่ธุรกิจที่กำไรเดือนละหมื่นสองหมื่น  ทำงานประจำเป็นลูกจ้างคุ้มกว่า  เหนื่อยน้อยกว่า  ซึ่งถ้าอย่างนั้นพี่ก็น่าจะมีคุณสมบัติ
      -เคยมีประสบการณ์ทำธุรกิจมาบ้างแล้ว
      -ถ้ามีความถนัดในธุรกิจที่เราจะซื้อมายิ่งดีใหญ่
      -มีเงินทุนพอสมควร
      
     อันนี้เป็นแค่เริ่มต้นนะครับ   ถ้าเรามีคน  มีความรู้การบริหารมาบ้าง  จะทำให้โอกาสประสบความสำเร็จของเรามีมากยิ่งขึ้น   


วันอาทิตย์

รวยด้วยแฟรนไชส์:เลือกภรรยา กับเลือกแฟรนไชส์ อันไหนยากกว่ากัน




เรื่องต้องคิด-ต้องถาม  ก่อนการตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์นะพี่

ผมว่าเลือกแฟรนไชส์ก็คล้ายกับเลือกภรรยา
        อ่านแล้วรวยกำลังพูดถึงแฟรนไชส์ที่มีระบบเป็นมาตรฐานนะครับ  ซึ่งจะมีสัญญาผูกพันชัดเจน  ไม่ใช่ประเภทหลอกขายของโดยใช้ชื่อแฟรนไชส์แอบแฝง   ในสัญญาจะมีพวกนี้ครับ
      11 ข้อเกี่ยวกับสัญญาและข้อผูกพันที่ต้องพิจารณาครับพี่  ลองเขียนชื่อแฟรนไชส์ที่พี่สนใจสัก 5 ตัว เหมือนมีสาวๆมาติดพันเรา 5 คน  แล้วพี่ลองดูว่าแต่ละตัว(คน) 11 หัวข้อนี้เป็นอย่างไรบ้าง  ทำทุกตัวครบ 11 ข้อแล้วนำทั้ง 5 ตัวมาเปรียบเทียบกันนะครับ   จะพอมองได้ในมิติของสัญญาว่าแฟรนไชส์ไหนน่าจะดีที่สุด   ผมมองว่าแฟรนไชส์ที่ดีกว่ามักมีข้อสัญญาที่ชัดเจนและรัดกุมมากกว่า  ซึ่งก็เหมือนมิติด้านอื่นที่เขาคงชัดเจนและรัดกุมมากกว่าเช่นกัน  ถ้าเป็นผมนะพี่  ผมเลือกอันที่ชัดเจน/รัดกุม  ที่ไหนสัญญาหลวม  ระบบมันก็หลวมนั้นแหละ  เราต้องการซื้อระบบที่แข็งแรง  ถ้าทำหลวมๆ เราทำเองก็ได้  ไปเสียตังค์ให้มันทำไม 
                   1 แต่งงานอยู่กับภรรยาตลอดชีวิต แต่งกับแฟรนไชส์ละ อยู่นานเท่าไหร่
  ระยะเวลาของข้อผูกมัดคือ ช่วงเวลาที่สัญญาหรือนิติกรรมมีผลบังคับใช้ระหว่างแฟรนไชซอและแฟรนไชซี่ ซึ่งโดยปกติแล้วจะถูกกำหนดโดยฝ่ายแฟรนไชซอ สัญญานี้อาจมีระยะเวลาตั้งแต่ 3 ปีจนถึง 10 ปีหรือมากกว่านั้น โดยทั่วไปยิ่งอายุสัญญานานเท่าใด ค่าใช้จ่ายในการซื้อแฟรนไชส์ก็จะยิ่งมากขึ้น และเงื่อนไขของการต่อสัญญาก็มักจะมีการระบุไว้เรียบร้อย ในบางกรณี แฟรนไชซออาจอนุญาตให้มีการต่อสัญญาโดยมีระยะเวลานานเท่าเดิมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ แต่สำหรับในบางกรณี แฟรนไชซออาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการต่อสัญญาใหม่ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะศึกษาว่าช่วงระยะเวลาของข้อผูกมัดยาวนานเท่าใดสำหรับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไปในการซื้อแฟรนไชส์ เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียม เพื่อหาระยะเวลาในการคืนทุน  ข้อนี้แตกต่างกันนิดคือภรรยานั้นเขา(ไม่ใช่เรา)หวังว่าจะอยู่กับเราตลอดชีวิต แต่แฟรนไชส์เขาไม่ให้เราทั้งชีวิต
                 2 ค่าสินสอดทองหมั้น กับค่าธรรมเนียมแรกเข้า 
        ค่าธรรมเนียมเริ่มต้นคือ ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่แฟรนไชซี่จะต้องค่ายให้แก่แฟรนไชซอ เพื่อให้ได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ในากรประกอบธุรกิจหรือใช้ตราหรือเครื่งอหมายการค้า/ บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ดีแฟรนไชซอส่วนใหญ่จะเสนอบริการต่างๆ เพื่อเป็นการตอบแทนรายจ่ายนี้   แฟรนไชส์ซอก็เหมือนพ่อตาแม่ยาย  เขาประเมินค่าลูกสาวเขาตามคุณสมบัติความงาม/ความรู้/ต้นทุนที่เขารักเขาเลี้ยงดู  เขาเลี้ยงมาดีเขาก็คิดแพง  คุณพ่อแฟรนไชส์ซอร์ก็คิดเหมือนกัน   ลูกเขยที่เชื่อพ่อตาก็จะเจริญทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น การให้ความรู้และการอบรม ความช่วยเหลือในการเปิดร้านค้า หรือออกแบบจุดขาย (outlet) ที่ได้แสดงการจัดวางตำแหน่งในพื้นที่ที่เหมาะสม การให้คำปรึกษา เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นผลประโยชน์เพิ่มเติมต่อผู้ซื้อแฟรนไชส์ ดังนั้นผู้ซื้อแฟรนไชส์ควรจะต้องพยายามสอบถามว่าจะได้รับขอเสนอในบริการหรือสินค้าในลักษณะใดสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายไป โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเปิดดำเนินกิจการจนกระทั่งเกิดรายได้  อันนี้เหมือนกันเดะ  ของดีมักไม่ถูก  ต่างกันก็คือ แฟรนไชส์พาหนีไม่ได้
 3 ค่าเลี้ยงดูภรรยา กับ เงินรายงวด/ ค่าธรรมเนียมการจัดการ 
 
         เงินรายงวดหรือค่าธรรมเนียมการจัดการเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างดำเนินกิจการ ซึ่งโดยปกติแฟรนไชซี่จะจ่ายให้แก่แฟรนไชซอคิดเป็นอัตราร้อยละของยอดขายหรือรายได้ของกิจการตามรอบระยะเวลา ที่มักจะเป็นรอบรายเดือน ราย 2 เดือน หรือไตรมาส ก็เพื่อช่วยให้แฟรนไชซอสามารถตรวจสอบหรือควบคุม ในกรณีที่แฟรนไชซี่มีผลประกอบการที่ไม่ดีก็จะได้ดำเนินการแก้ไขได้ทันท่วงที ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจจะถูกกำหนดให้คงที่หรือผันแปรก็ได้ หรืออาจจะเป็นทั้งสองแบบรวมกัน แฟรนไชซออาจแลกเปลี่ยนด้วยการให้บริการต่างๆ เช่น จัดรายการโฆษณาและสนับสนุนการขาย (Marketing or Advertising Fee) ให้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับขึ้นตอนต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเปรียบก็เสมือนหนึ่งค่าภาษีที่ทุกคนในฐานะพลเมืองของประเทศจ่ายให้แก่รัฐบาล เพื่อนำไปพัฒนาประเทศนั่นเอง

วันเสาร์

รวยด้วยแฟรนไชส์อสังหา 2


โทเทิ่ล ดำเนินธุรกิจตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ โดยทีมงานซึ่งมีความรู้และประสบการณ์การทำงานที่ยาวนาน พร้อมเป็นที่ปรึกษาและเป็นฐานข้อมูลให้กับลูกค้าทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

ลักษณะกิจการตัวแทนหรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
ชื่อธุรกิจ (ไทย)โทเทิ่ล แอสเสท แฟรนไชส์
ชื่อธุรกิจ (อังกฤษ)Total Assets
ความเป็นมา
บ.โทเทิ่ล แอสเสท แฟรนไชส์ จก. เป็นหนึ่งในผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการรับฝากซื้อ – ฝากขาย –ฝากเช่า อสังหาริมทรัพย์ ทุกประเภท โดยทีมงานมืออาชีพ ซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ที่ยาวนาน ได้สร้างชื่อเสียงและพัฒนาธุรกิจให้เติบโดอย่างต่อเนื่อง ดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
โดยมุ่งเน้นที่จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของผู้ใช้บริการ ซื้อ-ขาย –เช่า อสังหาริมทรัพย์ โทเทิ่ล ให้บริการด้วยระบบเครือข่าย การขายอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร พร้อมให้ความช่วยเหลือและรักษาผลประโยชน์แก่ทั้งผู้ซื้อผู้ขายด้วยจรรยาบรรณ และความเป็นมืออาทีพอย่างแท้จริง

ด้วยวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่น เราพร้อมร่วมสร้างธุรกิจที่เป็นสื่อกลางให้เกิดการซื้อขายในรูปแบบใหม่ๆที่รองรับการเปลี่ยนแปลง ของวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบัน เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และมีมาตรฐาน สร้างคุณค่าและความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการทุกท่าน
ลักษณะสินค้า
และบริการ
โทเทิ่ล ดำเนินธุรกิจตัวแทนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ โดยทีมงานซึ่งมีความรู้และประสบการณ์การทำงานที่ยาวนาน พร้อมเป็นที่ปรึกษาและเป็นฐานข้อมูลให้กับลูกค้าทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
  • บริการช่วยค้นหาบ้าน – อาคาร – ที่ดิน โทเทิ่ล เป็นตัวแทนในการค้นหา ตรวจสอบบ้าน-อาคาร ที่ดิน และเป็นที่ปรึกษาเรื่องการซื้อ-ขาย อสังหาริมทรัพย์ในทุกด้าน ด้วยฐานข้อมูลที่ทันสมัย
  • บริการตัวแทน ซื้อ- ขาย- เช่า อสังหาริมทรัพย์ด้วยความชำนาญ โทเทิ่ล บริการรับฝาก ซื้อ – ขาย- เช่า บ้าน อาคาร ที่ดิน ดูแลการขาย การเจรจาต่อรอง สิทธิประโยชน์และการจัดทำนิติกรรมต่างๆ
  • บริการจัดการสินเชื่อที่อยู่อาศัย บริการพิเศษด้วยการให้คำปรึกษาและจัดหาสินเชื่อที่อยู่อาศัย ให้กับลูกค้า ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด กู้ได้สูงสุด
  • บริการดูแลลูกค้าหลังการขาย TOTAL พร้อมด้วยฝ่ายบริการดูแล ลูกค้าหลังการขาย แก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง เป็นที่ปรึกษาการปรับปรุงซ่อมแซม ต่อเติมอาคาร ออกแบบตกแต่ง และส่วนลดพิเศษ อาทิติดตั้ง แอร์ ผ่านม่าน วอลเปเปอร์
  • บริการฐานข้อมูล (Data Center) จากตัวแทนของโทเทิ่ล ซึ่งมีความชำนาญในแต่ละพื้นที่ และการค้นหาข้อมูลผ่านทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ทันสมัย 
ประเทศThailand  Thailand
ค่าแฟรนไชส์150,000 บาท
จำนวนสาขา2 สาขา
รายละเอียดสาขา-
นโยบาย
การขยายสาขา
ขายแฟรนไชส์ กรุงเทพ - ปริมณฑล 1 เขต 1 สาขา, ต่างจังหวัด 1 จังหวัด 1 สาขา
การลงทุนมี 2 แบบ
  1. ค่าแฟรนไชส์นิติบุคคล 150,000 บาทพร้อม Start Up kits ระยะเวลาใช้สิทธิ์ 5 ปี
  2. แฟรนไชส์รายบุคคล 4,500 บาท 
ระยะเวลาคืนทุน-
คุณสมบัติ
ผู้ลงทุน
  1. มีความสนใจและมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
  2. มีเวลา และความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ
  3. รักงานบริการงานและสามารถจัดการงานบุคคลได้ 
สิ่งที่แฟรนไชส์ซี่
จะได้รับ
  1. ลิขสิทธิ์ในเขตพื้นที่ รวมถึงให้คำแนะนำในการเลือกสถานที่ และออกแบบสำนักงาน
  2. ได้รับการถ่ายทอดระบบธุรกิจ การค้าอสังหาริมทรัพย์ ที่มีรายได้ไม่จำกัด
  3. ได้รับการอบรมผ่านคู่มือแฟรนไชส์ แนวทางในการดำเนินธุรกิจ และเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ
  4. ชุด Start Up kits พร้อม CD แบบฟอร์ม เอกสาร สัญญาต่างๆ
  5. อบรมตัวแทนขาย “ความรู้ก่อนสู่ภาคสนาม” จำนวน 5 ท่าน
  6. ใช้ข้อมูลเครือข่ายธุรกิจ และทรัพย์สินส่วนกลางผ่าน www.totalassets.co.th
  7. เข้าร่วมโปรแกรมสนับสนุนการโฆษณา ประชาสัมพันธ์
  8. ร่วมโปรแกรมทางการตลาดออกบูธ และร่วมงาน Recruit ฟรี
  9. ทีมที่ปรึกษาตลอดอายุสัญญา 
อื่นๆ
จุดเด่นของธุรกิจตัวแทนนายหน้า รับฝากซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาริมทรัพย์ คือ วงเงินการลงทุนไม่มาก แต่สามารถสร้างรายได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ทำให้คืนทุนได้เร็วและผลตอบแทนการลงทุนสูงกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นๆ


ชื่อผู้ติดต่อฝ่ายบริหารพัฒนาแฟรนไชส์
ที่อยู่บ.โทเทิ่ล แอสเสท แฟรนไชส์ จก.
เลขที่ 76/32-36 หลักสี่สแควร์ ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.10220
โทร.0-2552-2234
โทรสาร0-2552-8580
อีเมล์total@totalassets.co.th
เว็บไซต์www.totalassets.co.th

วันอังคาร

รวยด้วยแฟรนไชส์อสังหา 1




ERA คือระบบแฟรนไชส์สำหรับธุรกิจซื้อ/ขาย อสังหาริมทรัพย์ทั้งโครงการใหม่และบ้านมือ 2 เริ่มดำเนินการในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ.1971 ปัจจุบันดำเนินการอยู่ใน 51 ประเทศ 3,600 สาขาทั่วโลก

ลักษณะกิจการตัวแทนหรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
ชื่อธุรกิจ (ไทย)อี.อาร์.เอ
ชื่อธุรกิจ (อังกฤษ)ERA
ความเป็นมา
ERA เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์อสังหาริมทรัพย์ในเครือ Realogy Corp. ซึ่งเป็นบริษัทที่มีเครือข่ายแฟรนไชส์อสังหาริมทรัพย์ใหญ่สุดในโลก

ERA เริ่มดำเนินการในประเทศตั้งแต่ปี 2536 ปัจจุบัน ERA Franchise (Thailand) เป็นเจ้าของสิทธิ์ Master Franchise ในประเทศไทย มีเครือข่ายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศและมีตัวแทนขายกว่า 600 คน
ลักษณะสินค้า
และบริการ
ERA มุ่งเน้นในเรื่องของนวัตกรรมงานขายรวมถึงเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำงาน และที่สำคัญที่สุดคือระบบฝึกอบรมของ ERA
  • พ.ศ 2536 แฟรนไชส์อสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทย
  • พ.ศ 2537 บริษัทแรกที่ใช้ Computer-Online ในการขายบ้าน
  • พ.ศ 2539 บริษัทแรกที่ใช้ Inter-net ขายบ้านมือ 2
  • พ.ศ 2542 บริษัทแรกที่ใช้ระบบ Call-Center
  • พ.ศ 2547 บริษัทแรกที่ใช้ระบบ Mobile Marketing
  • พ.ศ 2549 บริษัทแรกที่ใช้ระบบ Active Mapping System
สินค้าและบริการต่าง ๆ สำหรับสมาชิกสามารถดูได้ในwww.erathai.com
ประเทศThailand  Thailand
ค่าแฟรนไชส์600,000 บาท
จำนวนสาขา25 สาขา
รายละเอียดสาขา1 สาขาดำเนินการเอง
นโยบาย
การขยายสาขา
ขายแฟรนไชส์ ในรูปแบบแฟรนไชส์ บริษัท, จังหวัด, ภูมิภาค
การลงทุนขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนและรูปแบบธุรกิจ (Business Model)
  • ค่าแฟรนไชส์ :   600,000 – 3,500,000   
ระยะเวลาคืนทุน3-5 ปี
คุณสมบัติ
ผู้ลงทุน
  1. เป็นนิติบุคคล จดทะเบียนในประเทศไทย
  2. มีทำเลที่ตั้งต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานใหญ่
  3. ต้องมีพื้นที่เป็นสัดส่วนตามข้อกำหนด
  4. มีบุคคลที่สามารถบริหารงานได้ (ผู้จัดการ)
  5. มีทีมงานอย่างน้อย 3 ท่านขึ้นไป (พนักงานขายและเจ้าหน้าที่ประสานงาน)
สิ่งที่แฟรนไชส์ซี่
จะได้รับ
  1. สร้างและบริหารเครือข่ายของ ERA ภายในประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับและมีประสิทธิภาพในการทำงาน
  2. เป็นผู้นำและพัฒนาวงการธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้วยระบบเครือข่ายแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  3. เป็นศูนย์ข้อมูลกลางอสังหาริมทรัพย์ การตลาด การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และรายการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในรายการของ ERA
  4. คอยให้คำปรึกษา ป้องกันและแก้ไขปัญหาทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในแก่บรรดาบริษัท สมาชิก ในทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญ มืออาชีพ และมีประสบการณ์ กว่า 15 ปี
  5. สนับสนุนให้ข้อมูลการตลาดของภาคอสังหาริมทรัพย์ ในทุกประเภท เพื่อให้บริษัทสมาชิกและตัวแทนบริษัทฯ สามารถดำเนินการให้บริการซื้อ-ขาย หรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ แก่ลูกค้าโดยผ่านต่ออุปสรรคและปัจจัย ซึ่งจะเป็นตัวแปรทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด
  6. ทีมงานของ ERA ที่พร้อมสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของท่าน
  7. เครือข่ายธุรกิจของ ERA จากทั่วประเทศและทั่วโลก
  8. สิทธิในการเข้ารับการอบรมในหลักสูตรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ของ ERA
  9. เป็นที่ปรึกษาในการบริหารธุรกิจตัวแทนนายหน้าซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์
  10. สิทธิในการหารายได้จากทรัพย์สินในระบบของ ERA
  11. เอกสารและรูปแบบของสัญญาต่าง ๆทุกประเภทเพื่อใช้สำหรับการประกอบธุรกิจ
  12. รูปแบบการตกแต่งสำนักงาน ERA ซึ่งจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
อื่นๆ
หลักฐานประกอบการสมัคร
  1. หนังสือรับรองนิติบุคคล ( กรณีมีเรียบร้อยแล้ว )
  2. สำเนาทำเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจ
  3. สำเนาบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ
  4. แผนที่แสดงที่ตั้ง บริษัท พร้อมรูปถ่ายสำนักงาน
( การดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทในฐานะ ERA สามาระทำการหารายได้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทุกเขตทั่วประเทศไทย ด้วยระบบเครือข่ายและรูปแบบเฉพาะมาตรฐานสากล ERA)

ระยะเวลาการเป็นสมาชิก – ระยะเวลาของข้อตกลงการเป็นสมาชิก คราวละ 3-5 ปี


ชื่อผู้ติดต่อบริษัท อีอาร์เอ แฟรนไชส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ที่อยู่480,482 ถนนรามคำแหง 39 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม.10310
โทร.02-5144455
โทรสาร02-5144456
อีเมล์erathai.sr@gmail.com
เว็บไซต์www.erathai.com
ข้อมูลวันที่ 9 ธันวาคม 2552